บ้านน็อคดาวน์ (Knock Down Home) คือบ้านที่ถูกสร้างสำเร็จแล้วจากโรงงาน  บ้านระบบโมดูล่า รวมไปถึงตู้คอนเทนเนอร์ต่าง ๆ ที่มีการประกอบสำเร็จมาแล้ว จากบริษัทที่รับผลิตนั่นเอง หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บ้านสำเร็จรูป นั่นเอง โดยมีรูปแบบมากมายให้เลือกใช้งานไม่ว่าจะเป็นแบบแคปซูล บ้านเรือนไทย แบบรีสอร์ท แบบโมเดิร์น และอื่น ๆ มากมาย หรือว่าจะอยู่ในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บ้านก็ได้เหมือนกันครับ เช่น ออฟฟิศคอนเทนเนอร์ ก็เป็นการประยุกต์เอาบ้านมาทำเป็นออฟฟิศ

บ้านน็อคดาวน์

โดยแต่ละบริษัท หรือโรงงานก็จะใช้วัสดุที่แตกต่างกันออกไป และวัสดุที่ใช้ก็มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อบ้านชนิดนี้ ควรศึกษารายละเอียดในส่วนของตัววัสดุให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ อย่าสั่งซื้อเพียงเพราะราคาถูกอย่างเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าบางท่านมีงบประมาณในการสั่งซื้อที่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นก็ควรเลือกแบบบ้าน และขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานตามไปด้วย และต้องมีการวางแผนเผื่ออนาคต อีกด้วยนั่นเอง

จะซื้อบ้านสำเร็จรูปต้องรู้อะไรบ้าง ?

สำหรับหลายท่านที่กำลังมองหาในส่วนของบ้านแบบสำเร็จมาจากโรงงานเลย หรือแบบน็อคดาวน์มาตั้งเพื่อใช้งานไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบ้านพัก เปิดร้านอาหาร เปิดร้านกาแฟ แต่ไม่มีเวลามานั่งควบคุมการทำงานของช่าง รวมไปถึงความไม่สะดวกด้วยปัจจัยอื่น อีกมากมาย ในส่วนของกระบวนการสร้างโดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นแบบบ้านน็อคดาวน์ที่มีราคาถูก มักจะไม่มีในส่วนของคานในการรับน้ำหนัก แต่จะใช้ในส่วนของตัวผนังในการยึดตัวโครงสร้างหลักเอาไว้แทน ทำให้มีน้ำหนักเบา และสามารถถอดออกเพื่อไปประกอบในพื้นที่ต่างๆ ได้

โดยรูปแบบนี้ มักจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในพื้นที่ ที่ต้องการใช้ความรวดเร็วในการสร้างบ้าน และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยพื้นที่เหล่านี้มักจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของทวีปยุโรป ถ้าในส่วนของทวีปเอเชียจะได้รับความยิมเป็นอย่างมากในประเทศ ญี่ปุ่น โดยเหตุผลหลักที่ได้รับความนิยมนอกจากจะได้ในเรื่องของความรวดเร็วแล้ว ราคายังถูกอีกด้วย ในส่วนของความแข็งเร็วก็มีความแข็งแรงพอ ๆ กับ ผนังอิฐที่ฉาบปูน  จนทำให้  “บ้านน็อคดาวน์” เริ่มได้รับความนิยม ในประเทศไทยอีกด้วย อย่างที่เราแนะนำคราวไปแล้ว ทางเราของแนะนำเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นในส่งที่ทุกท่านควรรู้ก่อนตัดสินใจสั่งผลิต หรือสั่งซื้อตามหัวข้อถัดไป

 

พิจารณาด้วย 5 เหตุผลก่อนตัดสินใจซื้อ บ้านน็อคดาวน์ บ้านโมดูล่า สำเร็จรูป

  1. คุณจะเอาไปใช้ทำอะไร เพราะแน่นอนว่าการใช้งานในแต่ละแบบจะต้องมีการคำนวนระหว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไป กับประโยชน์ที่ได้รับกลับมาอย่างแน่นอน อาทิเช่น นำไปทำเป็นรีสอร์ทให้คนพักอาศัย หรือร้านอาหาร พอใช้งานไปสักระยะอาจจะมีในส่วนของการซ่อมบำรุงตามมาเช่นผนังรั่ว ผนังซึม เป็นต้น ในส่วนนี้มักจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ตามมา ดังนั้น ก่อนตัดสินค้าซื้อต้องมองในส่วนของการใช้งานที่จะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายและมีค่าใช้จายตามมา ทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนหรือนำไปใช้งาน วิธีแก้คือ “ควรเลือกซื้อกับบริษัทที่มีการรับประกันสินค้าเช่นรั่วซึม รับประกันโครงสร้าง อย่างน้อย 6 เดือน” เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะตามมาภายหลัง
  2. มีคนใช้งานเยอะหรือไม่ แน่นอนว่าาหากอาศัยอยู่หลายคน ความเสื่อมของตัวบ้านก็จะมีมากขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นในส่วนของตัววัสดุต้องดีพอสมควรไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพื้นที่ต้องมีความแข็งแรงทนทาน  แต่ขนาดของตัวบ้านต้องมีขนาดที่สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้งานอีกด้วย โดยเฉพาะในส่วนของบ้าน 2 ชั้น ต้องมีการเสริมโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ถ้าหากไม่เพิ่มเข้าไป แน่นอนว่ามีความเสียงที่พังได้ง่ายอย่างแน่นอน ดังนั้น การจะสร้างบ้านลักษณะนี้ “จำเป็นต้องสอบถาม หรือแจ้ง รายละเอียดกับผู้ขายให้ชัดเจนว่ารับน้ำหนักได้ประมาณกี่คน และต้องเสริมโครงเหล็กเพิ่มเติมหรือไม่
  3. พื้นที่ในการติดตั้ง ในส่วนของพื้นที่ที่มีการติดตั้งก็มีผลกับตัวบ้านเช่นเดียวกัน เพราะในบางพื้นที่มีความชื้นมากอาจจะเกิดให้เกิดเชื้อร้าตามผนังหรือในส่วนของพื้นได้ รวมไปถึงน้ำท่วมบ่อยเป็นต้น วิธีการแก้ไข “คุณควรเทพื้น หรือลงเสาเข็ม ถ้าหากมีน้ำทั่วบ่อยควรทำฐานล่างให้สูงขึ้น และควรเลือกบริษัทที่ใช้วัสดุที่แข็งแรงเหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
  4. วัสดุในการสร้าง ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากเน้นที่ราคาถูกมากจนเกินไป มักจะได้วัสดุที่ไม่ดี ดังนั้นการสั่งซื้อคนส่วนใหญ่มักจะให้แจ้งในใบเสนอราคาให้เรียบร้อยว่าใช้วัสดุอะไร รวมไปถึงต้องดูวัสดุในการเก็บรายละเอียดของงานให้ดี เพราะบางหลังที่ราคาถูกมาก ๆ ส่วนใหญ่มักจะไม่เก็บรายละเอียดในส่วนของเสา เช่นไม่ใช้ฉากบังใบ ไม่ติดบัว หลังคาเป็นหลังคาชั้นเดียว ที่มีโอกาสรั่วตามมาก็ได้ และนอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของผนังที่ใช้ บางผนังมักจะบาง ไม่มีฉนวนกันความร้อน เป็นต้นอื่นๆ อีกมากมาย
  5. งบที่จะใช้สร้าง ประเด็นนี้ถือได้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะแน่นอนว่าราคาคือสิ่งที่จำเป็น ถ้าหากมีงบเรามีงบน้อยอาจจำเป็นต้องลดฟังก์ชั่น หรือลดสเปค บางส่วนลงแต่ไม่ควรลดในส่วนของโครงสร้างเด็ดขาด  โดยบ้านน็อคดาวน์ในปัจจุบันมีราคาตั้งแต่ หลักหมื่น  ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดที่ต้องการดังนั้นควรเลือกบ้านและงบประมาณที่เหมาะสม และสามารถต่อยอดในอนาคตได้

สรุป 10 ข้อดี ของบ้านสำเร็จรูป แบบน็อคดาวน์ที่ต้องรู้

  1. สามารถสร้างด้วยระยะเวลาอันสั้น ยิ่งรูปแบบไม่มีความซับซ้อนมาก ก็สามารถสร้างแล้วเสร็จภายใน 15 วัน พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที
  2. ท่านสามารถควบคุมงบประมาณได้ ง่าย เพราะการสร้างบ้านสำเร็จรูป เป็นเหมือนการสั่งซื้อของมาใช้งานเลย เช่นการซื้อตู้เสื้อผ้าชั้นวางของที่สั่งซื้อประกอบแล้วก็ใช้งานได้ทันที
  3. รูปแบบในการผลิตมีแบบให้เลือกมากมายกว่าที่คิด บางบริษัทสามารถให้คุณออกแบบแล้วผลิตให้ตามความต้องการ
  4. วัสดุที่ใช้มักจะเป็นวัสดุที่สำเร็จรูป เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย และทำให้สามารถซ่อมแซมได้ง่าย ส่วนเป็นวัสดุที่มาพร้อมกันฉนวนกันความร้อน ไม่ลามไฟ เพื่อให้สามารถน้ำไปปรับประยุกต์ใช้งานได้หลายหลายเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละบริษัทจะใช้วัสดุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นในส่วนของวัสดุจึงเป็นส่วนที่ตัดสินในเรื่องของราคาได้เป็นอย่างดี
  5. ระบบน้ำระบบไฟ ในส่วนนี้ส่วนใหญ่ทางผู้ผลิตจะทำการติดตั้งระบบน้ำระบบไฟภายในตัว โดยลูกค้าเป็นคนกำหนดจุดในการติดตั้งให้นั่นเอง แต่ถ้าเป็นรูปแบบที่สั่งสำเร็จพร้อมยกไปวางเลย มักจะเปลี่ยนแปลงเคลื่อนย้ายจุดต่างๆได้ยาก ดังนั้นในส่วนนี้ ถ้าไม่ต้องการใช้งานเร่งด่วนจริงๆ แนะนำให้คุยกับบริษัทที่สามารถออกแบบและผลิตตามความต้องการของลูกค้าได้นั่นเอง
  6. การต่อเติมในส่วนนี้สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ควรวางแผนและกำหนดโครงสร้างเผื่อในส่วนของอนาคต ให้ดี แต่ในส่วนนี้ควรเลือกใช้งานการติดต่อเติมกับบริษัทเดิมที่สั่งซื้อสินค้ามา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่แนะนำให้มีการปรับ แต่งเพิ่มเติม เพราะมักจะต้องมีค่าใช้ง่ายที่แพงกว่าการต่อเติมตามตามปกติ หรือต่อเดิมแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างเดิม หรือการเข้าไปเจาะผนังเดิมนั่นเอง
  7. การเคลื่อนย้ายเปลี่ยนพื้นที่ สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากต้องการย้ายงานบ่อยควรใช้รูปแบบที่มีขนาดไม่เกิน 3×6 เมตร ต่อหลัง ถ้าหากใหญ่กว่านั้นควรมีการออกแบบให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
  8. ความแข็งแรง ในส่วนนี้ถ้าหากต้องการใช้อยู่นานแต่ไม่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยแนะนำให้มีการตอกเสาเข็ม หรือเตรียมพื้นที่ในส่วนของฐานรากให้ดี จะช่วยในเรื่องของบ้านของคุณแข็งแรง ทนทาน เกือบเท่าบ้านปกติเลย
  9. การใช้งานและการดูแลการความสะอาด ไม่ควรที่จะใช้เฟอนิเจอร์ที่มีน้ำหนักที่หนักมากจนเกินไป เพราะโครงสร้างของตัวน็อคดาวน์บางหลังที่ไม่สามารถรับน้ำหนักที่มากจนเกินไปได้  ดังนั้นก่อนจะซื้อควรขอคำแนะนำจากผู้ผลิตและออกแบบส่วนต่างๆ เพื่ออนาคต แต่ยิ่งแข็งแรงมากค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามมา ดังนั้นการใช้งานการดูแลควรที่จะเลือกวัสดุในการตกแต่ง และหมั่นทำควรสะดวกอย่างสม่ำเสมอ
  10. อายุการใช้งานในปัจจุบันด้วยยุคสมัยที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีมากยิ่งขึ้นทำให้ในส่วนของตัวบ้านมีอายุการใช้งานมากยิ่งขึ้น ถึง 50 ปีเลยทีเดียว

 

สนใจบ้านน็อคดาวน์ บ้านพักสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นทั้งสไตล์โมเดิร์น บ้านสมาร์ทโฮม บ้านนอร์ดิก

สอบถามได้ที่ โทร : 063-431-3311 ( อัน )              E-mail : Sales@dollysolutions.com

                                : 088-864-0000 ( มุก )           Line : @theeasyhouse

            Facebook : TheEasyhouseTH

ทำไมบ้านสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักจะใช้แผ่นเมทัลชีทเป็นหลังคา

หลังคาเมทัลชีทได้รับความนิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมการก่อสร้างเนื่องจากประโยชน์มากมาย เราจะมาสำรวจข้อดีของการใช้หลังคาเมทัลชีท ตั้งแต่ความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไปจนถึงการประหยัดพลังงานและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เราจะเจาะลึกถึงความอเนกประสงค์ของการนำไปใช้งาน การทนไฟ ความคุ้มค่า คุณสมบัติในการลดเสียงรบกวน น้ำหนักเบา และความสามารถในการรีไซเคิลกันครับ

 

หลังคาเมทัลชีท คืออะไร

ก่อนจะลงลึกถึงประโยชน์ เรามานิยามหลังคาเมทัลชีทกันก่อนดีกว่า หลังคาเมทัลชีท หมายถึง ระบบหลังคาที่สร้างโดยใช้เมทัลชีทเป็นวัสดุหลัก โดยทั่วไปแผ่นเหล่านี้ทำจากวัสดุอย่างเหล็ก อะลูมิเนียม หรือทองแดง และมีรูปร่าง ขนาด ที่หลากหลาย หลังคาเมทัลชีทมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและโฉบเฉี่ยว พร้อมทั้งให้ประสิทธิภาพที่โดดเด่นทั้งในด้านความทนทาน การปกป้องตัวบ้านที่ดีมาก ๆ ครับ

 

ความทนทานและอายุการใช้งานของแผ่นเมทัลชีท

หลังคาเมทัลชีทมีชื่อเสียงในด้านความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ ได้รับการออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ฝนตกหนัก หิมะ ลูกเห็บ และลมแรง ซึ่งแตกต่างจากวัสดุมุงหลังคาแบบดั้งเดิมอย่างแอสฟัลต์ชิงเกิล ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนทุก 15-20 ปี หลังคาเมทัลชีทสามารถอยู่ได้ 50 ปีขึ้นไปหากมีการบำรุงรักษาที่เหมาะสม

 

ความสามารถในการทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ

หลังคาเมทัลชีทเป็นเลิศในการป้องกันสภาพอากาศต่าง ๆ มีความทนทานต่อการกัดกร่อน สนิม และรังสี UV สูง ทำให้มั่นใจได้ว่าหลังคาจะคงสภาพเดิมและสวยงามเป็นเวลาหลายปี นอกจากนี้ หลังคาชนิดนี้ยังช่วยระบายน้ำ หิมะ และน้ำแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความเสียหายจากน้ำและลดความเสี่ยงของการรั่วซึมของน้ำได้ครับ

 

มีความต้องการการบำรุงรักษาต่ำ

หลังคาเมทัลชีทมีการบำรุงรักษาค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับวัสดุมุงหลังคาแบบเดิม ๆ ไม่ต้องมีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนบ่อย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของหลังคา การตรวจสอบตามปกติและงานบำรุงรักษาง่าย ๆ เช่น การกำจัดเศษขยะและการทำความสะอาดรางน้ำมักจะเพียงพอที่จะทำให้หลังคาอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุดอยู่ตลอดแล้ว

 

มีดีไซน์ของหลังคาให้เลือกอย่างมากมาย

หลังคาเมทัลชีทมีรูปแบบและพื้นผิวที่หลากหลาย ทำให้มีตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะชอบรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมหรือความสวยงามแบบสมัยใหม่ หลังคาเมทัลชีทก็มีดีไซน์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังเสนอชุดสีที่หลากหลาย ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งหลังคาเพื่อเสริมการออกแบบอาคารโดยรวมได้อย่างอิสระเลยล่ะ